slide04 slide01 slide02 slide03

contact us

02-573-9094

3 องค์กรผนึกกยท.เซ็น MOU สร้างเครือข่ายนวัตกรรมยาง


นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางเเห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) การสร้างเครือข่ายนวัตกรรมยางระหว่าง 3 องค์กร คือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (ศว.พว.) ว่า จากนี้ไปแผนของเครือข่ายคือการมุ่งเน้นการทำวิจัย งานวิชาการเชิงพาณิชย์ สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ ๆ จะเห็นได้จากราคายางขึ้นมาอยู่ระดับ กก.ละ 60 บาท ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

"ราคายางช่วงนี้ กก.ละ 60 บาทเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่ไม่นิ่งนอนใจ ต่อไปแผนของเครือข่ายคือการมุ่งทำวิจัย งานวิชาการเชิงพาณิชย์ สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ ๆ จะเห็นได้ว่าเริ่มมีสัญญาณเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ทำให้มีแนวโน้มที่ความต้องการใช้ยางพาราจะสูงขึ้นตามไปด้วย จึงประเมินว่าแนวโน้มราคายางในประเทศในช่วงนี้ จะไม่ตกไปที่ราคา 3 กก./100 บาท อีกเหมือนที่ผ่านมาแน่นอน"

อย่างไรก็ดี กยท.ต้องประเมินราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะหากราคาสูงเกินไป ผู้ประกอบการแปรรูปยางพาราต้องประเมินในแง่ต้นทุน ขณะเดียวกันหากราคาต่ำเกินไปก็ไม่ส่งผลดีต่อตัวเกษตรกร ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราทั้งระบบ

ดังนั้นการร่วมลงนามเครือข่ายนวัตกรรมยางระหว่าง3องค์กร เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องน่ายินดีเพราะเป็นช่องทางที่จะยกระดับยางพาราทั้งระบบ และนับว่า ส.อ.ท.มาช่วยชี้เป้า เพื่อต่อยอดสู่อุตสาหกรรมแปรรูปรวมถึงนวัตกรรมยางใหม่ ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าไทย ซึ่งห้วงเวลานี้นับเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส จากความไม่เสถียรด้านราคาของตลาดยางโลก กยท.จึงตั้งเป้าขยายตลาดส่งออกยางพาราไปยังตลาดใหม่ ๆ อาทิ อินเดีย รัสเซีย เพื่อกระจายความเสี่ยงจากตลาดส่งออกเดิมคือ จีน ที่ยังอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและมีแนวโน้มจะทรงตัวเช่นนี้ต่อเนื่อง ส่วนสต๊อกยางพาราของรัฐบาลที่มีอยู่ประมาณ 2 แสนตัน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด กยท.) ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ที่มา : ประชาชาติธุริกจออนไลน์